เผยข้อดี-ข้อเสีย รถยนต์ไฟฟ้า ที่คุณควรรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อ - Insure Friend Broker - "เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนี้"

เผยข้อดี-ข้อเสีย รถยนต์ไฟฟ้า ที่คุณควรรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อ

กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่กำลังตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ว่าราคาน้ำมันที่ผันผวนในขณะนี้ สมควรเปลี่ยนไปใช้รถยนต์พลังไฟฟ้า หรือรถ EV (Electric vehicle) แทนรถยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และช่วยลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ดีหรือไม่?

แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะฟันธงว่ารถยนต์ไฟฟ้าดีกว่ารถยนต์สันดาปภายในจนต้องหามาใช้สักคัน แต่ทีมงาน insurefriend ก็ได้รวบรวมข้อดี-ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้ามาให้แฟนๆ ได้อ่านเพื่อใช้ในการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้วหรือยัง?

ข้อดี

1. ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง

รถยนต์ไฟฟ้า100% ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนโดยไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเลย เมื่อเทียบกันแล้วรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประหยัดมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงพอสมควร หากคำนวณจากการชาร์จไฟเต็มแบตเตอรี่ 1 ครั้ง ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 150 - 200 บาท สามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 250 - 400 กิโลเมตร ถ้าหากเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดีเซล หรือเบนซิน ค่าใช้จ่ายสำหรับการเติมน้ำมันระยะทางเท่าๆ กัน จะอยู่ที่ประมาณ 500 – 800 บาท 

2.ซ่อมแซมและบำรุงรักษาง่าย

รถยนต์ไฟฟ้า 100% ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อนแทนการใช้เครื่องยนต์ ส่งผลให้กลไกการทำงานอย่างอื่นลดลงไปด้วย ทำให้การบำรุงรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากขึ้น สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงส่วนที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ทั้งในส่วนของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ระบบเกียร์ ฯลฯ

3.ความเงียบของรถยนต์

รถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สู่มอเตอร์เพื่อการขับเคลื่อน ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์สันดาป การทำงานภายในจึงไม่ก่อให้เกิดการเผาไหม้ ทำให้เสียงการทำงานของรถพลังงานไฟฟ้าเงียบกว่ารถยนต์แบบปกติทั่วไปหลายเท่า ทั้งยังช่วยลดมลภาวะทางเสียงจากการจราจรได้อีกด้วย

4. สมรรถนะของรถยนต์

สามารถตอบสนองในการขับขี่ได้ดีกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง เพราะหัวใจหลักสำคัญคือมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถมีแรงบิดหรือแรงหมุนได้ในทันทีที่ได้รับไฟฟ้า จึงทำให้สามารถออกตัวได้เร็วและมีอัตราเร่งที่ดีกว่า เนื่องจากสามารถรีดแรงบิดได้สูงในทันทีไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์เหมือนรถยนต์ทั่วไป

5. ด้านสิ่งแวดล้อม

ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ต้องการสร้างรถยนต์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด จึงมีการผลักดันให้สร้างรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดขึ้นมา เพราะหนึ่งในตัวการที่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศก็คือควันจากท่อไอเสียของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่หากเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแล้วจะไม่มีแม้แต่ไอเสียออกมาเลย

6.ความสะดวกในการใช้งาน

สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้จากที่บ้าน ทำให้สามารถชาร์จได้ระหว่างที่นอนหลับ เมื่อถึงยามเช้ารถยนต์ไฟฟ้าก็จะอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน จึงทำให้ไม่ต้องกังวลในเรื่องการเสียเวลาที่สถานีบริการน้ำมันอีกต่อไป

7.เสถียรภาพราคาเชื้อเพลิง

การที่เปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมัน ทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงได้ง่ายกว่าน้ำมันที่มีราคาผันผวนสูงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ส่วนค่าไฟฟ้าแม้จะมีการปรับราคาขึ้นตามต้นทุนพลังงาน แต่จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าราคาน้ำมัน

8.รัฐบาลสนับสนุน

รัฐบาลมีนโยบายให้เงินอุดหนุนรถยนต์และรถกระบะคันละ 70,000-150,000 บาท/คัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาท/คัน 2. ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0% 3. ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ และนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ ถึงปี 2566 ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าลดลง ง่ายต่อการตัดสินใจซื้อ

ข้อเสีย

1.ราคาสูง

รถยนต์ไฟฟ้า 100% เป็นเทคโนโลยีใหม่ แม้จะมีให้เลือกทั้งราคาสูง และต่ำ แต่ถ้าเป็นรถรุ่นที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกับรถสันดาปภายในทั้งในเรื่องการขับขี่ และระยะทางในการขับขี่ รถยนต์ไฟฟ้า 100% มักมีราคาค่อนข้างแพงกว่า

2.เทคโนโลยีใหม่มีระยะใช้งานจริงน้อย

ความเป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งอยู่บนท้องถนนในเมืองไทยมีอายุการใช้งานไม่มากนัก ยังไม่มีข้อมูลการใช้งานระยะยาว และเทคโนโลยียังไม่ได้พัฒนาจนถึงขีดสุดในระดับที่เทียบเคียง หรือเหนือกว่ารถสันดาปภายใน

3.ยังมีตัวเลือกไม่มาก 

รถไฟฟ้ายังเป็นยานพาหนะเทคโนโลยีใหม่ จึงมีค่ายรถยนต์เพียงไม่กี่ค่ายเท่านั้นที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ออกสู่ตลาด รวมถึงมีพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่แต่ละค่ายแนะนำสู่ตลาด

4.ระยะทางในการขับขี่สั้นกว่า

ระยะทางในการขับขี่จะขึ้นอยู่กับขนาดความจุของแบตเตอรี่ ซึ่งอาจจะต้องมีการวางแผนการชาร์จระหว่างทาง สำหรับการขับขี่ในระยะไกล

5.สถานีบริการยังไม่ครอบคลุม

แม้จะมีการขยายสถานีบริการชาร์จไฟฟ้าจำนวนมาก แต่ในปัจจุบันจุดให้บริการยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ยังไม่สะดวกหากต้องเดินทางไปต่างจังหวัดที่เป็นระยะทางไกล

6.การบำรุงรักษา 

รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก อาจจะต้องใช้เวลาเพื่อให้บุคลากรทางสายยานยนต์เรียนรู้เรื่องการบำรุงรักษาระบบต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าต้องศึกษาดูว่ารถยนต์แบรนด์นั้นมีศูนย์บริการเพียงพอ ทั่วถึงทุกภูมิภาคของประเทศหรือไม่

7.การจัดการขยะจากแบตเตอรี่ 

แบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบันมีอายุการใช้งานที่จำกัด การเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่การกำจัดแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพไปแล้วนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการกำจัดแบตเตอรี่ที่เป็นขยะเหล่านี้ ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาในอนาคต


เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนีุุ้

อินชัวร์เฟรนด์โบรกเกอร์
Call : 063-636-5456  |  02-114-6464
Line ID: @insurefriend ( คลิก http://lineid.me/insurefriend )






My Instagram

Copyright © Insure Friend Broker - "เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนี้".