สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในคอนโดฯไม่เพียงพอ-ค่าไฟสูง - Insure Friend Broker - "เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนี้"

สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในคอนโดฯไม่เพียงพอ-ค่าไฟสูง

        ความทันสมัยของรถยนต์ไฟฟ้าที่อาจจะโดนใจคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดมิเนียม แต่เมื่อศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดรอบด้าน หลายคนอาจต้องยับยั้งการตัดสินใจเอาไว้ก่อน เพราะรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) 100% อาจไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควรเพราะคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ยังไม่มีสถานีบริการ หรือจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้บริการแก่ลูกบ้านอย่างเพียงพอ

        ทั้งนี้ จากการศึกษาของ “เอบีม คอนซัลติ้ง” พบว่าโครงการคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพียงแค่ประมาณ 3% ของคอนโดมิเนียมทั้งหมด และเป็นจุดชาร์จที่สามารถรองรับการชาร์จได้เพียง 1-2 คัน มากถึง 74% ทำให้โดยรวมแล้ว ป้จจุบันมีพื้นที่สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ในคอนโดฯ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้เพียงแค่ประมาณ 400 คันเท่านั้น

        ปัจจุบัน คอนโดมิเนียมใช้รูปแบบการกำหนดราคาชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย โดยการกำหนดราคาตามเวลา (64%) เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุด รองลงมาคือการชำระค่าไฟฟ้าที่ใช้ไป (31%) มีเพียง 1% ที่ใช้รูปแบบการคิดราคาคงที่ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาหรือหน่วยไฟฟ้า และมีอีก 4% มีบริการแท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แบบไม่คิดค่าใช้จ่าย

        โดยส่วนใหญ่แล้ว การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ในอาคารหรือคอนโดมิเนียมนั้นราคาไม่ได้ถูกอย่างที่คิด เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่มากกว่า 50% ของโครงการคอนโดมิเนียมคิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยคือ 10 บาท/กิโลวัตต์ ซึ่งมากกว่า 2 เท่าของค่าไฟฟ้าสูงสุดที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กำหนดที่ 4.7 บาท ทำให้ผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมที่คิดจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) เพื่อลดค่าน้ำมันต้องกลับไปทบทวนการตัดสินใจอีกครั้ง

        เพราะการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ในคอนโดส่วนใหญ่จำเป็นต้องเสียค่าชาร์จไฟฟ้าที่เทียบเท่ากับการเติมน้ำมันในรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE: Internal Combustion Engine) ที่ประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ไฮบริด

        การวิจัยพบว่า 90% ของคอนโดมิเนียมมีที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขนาด 22 กิโลวัตต์ ซึ่งมากเกินความจำเป็นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ณ ปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ยังรองรับการชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charging) ได้ไม่เกิน 7 กิโลวัตต์ อีกทั้งที่ชาร์จขนาด 22 กิโลวัตต์มีราคาที่สูงกว่าที่ชาร์จขนาด 7 กิโลวัตต์ ถึง 20%

        ดังนั้น การเลือกใช้รถไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ในปัจจุบัน กำลังกลายเป็นโจทย์ที่ไม่ตอบสนองต่อการใช้ชีวิตของผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมไปจนกว่าจะมีการเพิ่มจุดชาร์จให้เพียงพอ และมีความชัดเจนในการคิดค่าบริการที่ให้ความมั่นใจว่ามีราคาย่อมเยากว่าการเติมน้ำมัน


เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนีุุ้

อินชัวร์เฟรนด์โบรกเกอร์
Call : 063-636-5456  |  02-114-6464
Line ID: @insurefriend ( คลิก http://lineid.me/insurefriend )






My Instagram

Copyright © Insure Friend Broker - "เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนี้".