ประกันสุขภาพ ต่างจากประกันสังคมอย่างไร - Insure Friend Broker - "เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนี้"

ประกันสุขภาพ ต่างจากประกันสังคมอย่างไร



หลายคนอาจจะเคยคิดว่า ถ้าเรามีสิทธิประกันสังคมอยู่แล้ว ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำประกันสุขภาพให้เปลืองเงินเลย แต่เป็นความจริงประกันสุขภาพกับประกันสังคมนั้นยังมีข้อแตกต่างกันนะครับ ยิ่งใครที่ต้องการใช้สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บ หรือไม่สบาย ก็ลองมาดูกันก่อน คุณจะต้องใช้สิทธิประโยชน์ต่างกันอย่างไรบ้าง?

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ “ประกันสุขภาพ” กันก่อนดีกว่าค่ะ

ประกันสุขภาพ คือ หลักประกันภัยที่บริษัทประกันจะช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลให้แก่ผู้เอาประกันกรณีเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บ รวมถึงโรคร้ายแรง ก็เพื่อรองรับความเสี่ยงค่ารักษาพยาบาลเฉพาะ และดูแลค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากการรักษาของประกันสังคม ทั้งนี้เราจะเลือกทำหรือไม่ทำก็ได้ครับ ซึ่งเราจะต้องจ่ายเบี้ยรายปี หากเคลมเยอะเบี้ยก็แพง

แล้ว “ประกันสังคม” ล่ะคืออะไร?

ประกันสังคม หมายถึง หลักประกันในการดำรงชีวิตของกลุ่มสมาชิกให้แก่ผู้มีรายได้ และผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสบทบเข้ากองทุนประกันสังคมให้ครบ จะเป็นกฎหมายบังคับให้นายจ้างทำกรณีมีลูกจ้างตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไป เพื่อดูแลค่าใช้จ่ายจำเป็นกรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต สงเคราะห์บุตร สงเคราะห์ชราภาพ และว่างงาน เป็นต้น ซึ่งจะคุ้มครองตามวงเงินที่กำหนด

แล้วประกันสุขภาพต่างจากประกันสังคม อย่างไร?

ถึงแม้ประกันสุขภาพกับประกันสังคม จะเป็นหลักประกันเรื่องของสุขภาพใกล้เคียงกัน แต่ความคุ้มครองนั้นจะต่างกันมากค่ะ เนื่องจากประกันสุขภาพจะดูแลค่ารักษาพยาบาลเฉพาะทาง จึงทำให้คุณไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากนัก พูดง่ายๆ ก็คือ ประกันสุขภาพจะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลได้มากกว่าประกันสังคมนั่นเองค่ะ และเพื่อความเข้าใจกันอย่างชัดเจนมากขึ้น อินชัวร์เฟรนด์ - InsureFriend ก็จะมาสรุปให้เพื่อนๆ เข้าใจง่ายๆ ว่าประกันสุขภาพต่างจากประกันสังคมอย่างไรค่ะ ไปเริ่มอ่านกันเลยค่ะเพื่อนๆ

1. เลือกค่าเบี้ยประกันได้เอง

  • ตามที่เราได้อธิบายข้างต้นว่า..เราจะไม่สามารถกำหนดค่าเบี้ยประกันของประกันสังคมได้ เนื่องจากกฎหมายบังคับ จะจ่ายมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนของเราค่ะ 
  • แต่สำหรับประกันสุขภาพนั้น จะสามารถเลือกจ่ายค่าเบี้ยประกันเองได้ค่ะ นั่นก็หมายความว่า คุณสามารถปรับแต่งค่าเบี้ยประกันได้ตามที่เราต้องการเลยค่ะ เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม ถูกใจ และคุ้มค่ากับเรามากกว่านะคะ

2. ปรับแต่งความคุ้มครองได้ตามที่เราต้องการ

  • อีกข้อดีของประกันสุขภาพก็คือ เราสามรถปรับแต่งความคุ้มครองต่างๆ ได้ตามที่ต้องการนะคะ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของเราเอง ทำให้เราได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมค่ะ หรือใครที่กำลังมองหาประกันสุขภาพโรคร้ายแรง ที่มีค่ารักษาพยาบาลแพงๆ เพื่อนๆ ก็สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเสริมได้อีกด้วยค่ะ 
  • ซึ่งจะต่างจากประกันสังคมก็คือ ประกันสังคมจะเลือกความคุ้มครองเองไม่ได้ค่ะ เพราะประกันสังคมนั้นได้เลือกความคุ้มครองให้กับคุณแล้ว

3. เลือกรักษากับเเพทย์เฉพาะทางได้

  • หากเพื่อนๆ เกิดเจ็บป่วย หรือไม่สบายขึ้นมา เราก็สามารถเลือกเเพทย์เฉพาะทางได้ เนื่องจากประกันสุขภาพจะยืดหยุ่นกว่า และให้ทางเลือกที่หลากหลายกว่า ทำให้บางครั้งเราไม่ต้องจ่ายค่าแพทย์เฉพาะทางเลยค่ะ 
  • ซึ่งทางประกันสังคมนั้นจะรักษาตามแพทย์ที่ทางโรงพยาบาลจัดให้เท่านั้น หลายคนจึงมักซื้อประกันสุขภาพเสริมเข้ามาด้วย เพราะจะช่วยรักษาโรคเฉพาะทางได้ดีกว่านั่นเองค่ะ

4. จ้างพยาบาลพิเศษได้

  • หากคุณมีประกันสุขภาพ แล้วเกิดล้มป่วยกะทันหันขึ้นมา เราก็ยังสามารถจ้างพยาบาลพิเศษให้มาช่วยดูแลได้ด้วยนะคะ หมดห่วงทันทีไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยค่ะ 
  • ซึ่งถ้าคุณใช้สิทธิประกันสังคม ประกันสังคมจะกำหนดให้โรงพยาบาลดูแลตามหน้าที่เท่านั้นนะคะ และถ้าหากต้องการจ้างพยาบาลพิเศษ เพื่อนๆ ก็จะต้องเสียค่าพยาบาลมาช่วยดูแลเองค่ะ ดังนั้น ถ้าคุณมีประกันสุขภาพจะมีบริการให้คุณเลือกหลากหลายมากกว่า และไม่ต้องเสียเงินเองด้วยค่ะ

5. มีโรงพยาบาลให้เลือกมากกว่า

  • แน่นอนค่ะว่าถ้าเราซื้อประกันสุขภาพไว้ เราจะสามารถเลือกเข้ารับบริการตามโรงพยาบาลที่มากกว่าค่ะ เพราะทางบริษัทประกันส่วนใหญ่มีโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือครอบคลุมทั่วประเทศอยู่แล้วค่ะ เราจึงใช้สิทธิ์ได้ทันทีโดยไม่ต้องสำรองจ่ายก่อนค่ะ 
  • แต่ถ้าเราใช้สิทธิประกันสังคม จะเลือกได้เฉพาะโรงพยาบาลที่กำหนดไว้เท่านั้น เว้นแต่กรณีฉุกเฉินจึงจะสามารถเข้ารักษาโรงพยาบาลอื่นได้ค่ะ นั่นก็หมายความว่า..เพื่อนๆ อาจจะต้องสำรองค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ไปก่อนค่ะ

6. มียาให้เลือกหลากหลาย

  • หากพูดถึงเรื่องของ “ยารักษาโรค” เพื่อนๆ ก็คงทราบกันดีว่า ทั้งประกันสุขภาพ และประกันสังคมนั้นจะช่วยออกค่าใช้จ่ายเหมือนกัน แต่ประกันสังคมจะรับผิดชอบค่ายาเบื้องต้นเท่านั้นนะคะ ซึ่งในกรณีที่ต้องใช้ยาเกินที่ในบัญชี เราก็อาจจะต้องควักเงินจ่ายเองค่ะ 
  • ส่วนประกันสุขภาพจะครอบคลุมเรื่องค่ายารักษาได้ดีกว่าค่ะ และยังสามารถเลือกใช้ยาที่มีคุณภาพได้ โดยที่เราไม่ต้องเสียค่าส่วนต่างแพงๆ แถมยังสามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพในการเบิกจ่ายค่ายาตามโรงพยาบาลใกล้บ้านได้อีกด้วยค่ะ

7. เลือกห้องพักได้ตามต้องการ

  • นอกจากนี้ประกันสุขภาพหากรักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) ยังสามารถเลือกห้องพัก และอาหารได้ตามที่คุณต้องการนะคะ อย่างเช่น กรณีที่คุณเจ็บป่วยจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ทางประกันก็จะช่วยออกค่าห้องให้ โดยที่เราไม่ต้องสำรองจ่ายสำหรับโรงพยาบาลในเครือ 
  • ส่วนประกันสังคมนั้น ทางโรงพยาบาลจะกำหนดห้องพักให้กับคุณ เช่น พักห้องรวมตามสิทธิประกันสังคม หรือหากต้องการห้องพักพิเศษ ก็จะต้องจ่ายเงินค่าส่วนต่างเอาเองค่ะ และด้วยเหตุนี้ประกันสุขภาพจึงได้คะแนนนำโด่ง เพราะนอกจากเรื่องการรักษาพยายบาลที่ดีกว่าอยู่แล้ว ยังช่วยดูแลค่าห้องพักและค่าอาหารได้ดีกว่าประกันสังคมอีกด้วยนะคะ

8. สะดวกกว่า และประหยัดเวลากว่า

  • การมีประกันสุขภาพ จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับคุณมากขึ้น เพราะสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลารอคิวนานๆ ค่ะ และส่วนใหญ่จะเน้นโรงพยาบาลที่บริการดีกว่า ดูแลที่กว่าทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในค่ะ 
  • แต่ถ้าเป็นประกันสังคม หากไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน เราอาจจะต้องใช้ระยะเวลารอคิวนานมากๆ หรือบางทีก็อาจจะให้กลับบ้านเพื่อรอดูอาการต่อไป ยิ่งถ้าเราจำเป็นต้องติดต่อกับทางโรงพยาบาลบ่อยๆ แนะนำให้ทำประกันสุขภาพไปด้วยจะดีกว่า เพราะปัญหาสุขภาพเป็นสิ่งที่รอไม่ได้นะคะ

9. มีความคุ้มครองครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลมากกว่า

  • เหตุผลที่เพื่อนๆ หลายคนเลือกทำประกันสุขภาพเพิ่มจากประกันสังคม ก็หวังจะให้ช่วยดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น เมื่อยามที่เจ็บป่วย เนื่องจากประกันสังคมจะดูแลอาการเจ็บป่วยขั้นพื้นฐานเท่านั้น หากค่ารักษาเกินวงเกินที่ประกันสังคมกำหนด คุณก็ต้องจ่ายค่าส่วนต่างเองค่ะ
  • แต่ประกันสุขภาพจะดูแลค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุมกว่า ไม่ว่าจะเป็น ค่ารักษาพยาบาล, ค่าอุปกรณ์ทางเเพทย์, ค่าเอ็กเรย์, และค่าผ่าตัด เป็นต้น รวมถึงค่าใช้จ่ายกรณีที่รักษาพยาบาลฉุกเฉินหลังจากเกิดอุบัติเหตุอีกด้วยค่ะ คุณจึงไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่แพงอีกต่อไป ทั้งนี้ทั้งนั้นวงเงินค่ารักษาก็ขึ้นอยู่กับประกันที่คุณเลือกนะคะ

10. ประกันสุขภาพ (บางกรมธรรม์) จะจ่ายค่าชดเชยรายได้ ตั้งแต่วันแรกที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล

  • กรณีที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ประกันสุขภาพจะจ่ายชดเชยรายได้ตั้งแต่วันแรกที่คุณนอนโรงพยาบาลเลยค่ะ แต่จะเบิกได้ไม่เกินครั้ง 90 วัน ของรอบปฏิทินนะคะ ใน 1 ปี เบิกได้สูงสุด 180 วัน แต่จะเบิกได้เพียง 50% ของอัตราค่าจ้างที่ได้รับ โดยมีจำนวนเงินไม่เกิน 15,000 บาท 
  • ส่วนประกันสังคมก็จะมีจะมีค่าชดเชยรายได้เหมือนกันค่ะ แต่จะจ่ายให้ในกรณีที่คุณหยุดงานเกิน 30 วันขึ้นไปค่ะ ดังนั้น มนุษย์เงินเดือน, เจ้าของกิจการ, ค้าขาย, หรือฟรีแลนด์อย่างเราก็ควรทำประกันสุขภาพเสริมเอาไว้นะคะ อย่างน้อยก็จะช่วยจ่ายค่าชดเชยรายได้ต่อวันให้กับเรา โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เจ็บป่วยค่ะ


ทั้งนี้ สิ่งที่เราสรุปมาฝากเพื่อนๆ ให้พอเข้าใจความแตกต่าง ระหว่างประกันสุขภาพกับประกันสังคม ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งประกันทั้งสองอย่าง ต่างก็มีข้อดีทั้งคู่ค่ะ และถึงแม้ทั้งสองอย่างจะช่วยเรื่องของอาการเจ็บป่วยเช่นเดียวกัน 

แต่ประกันสุขภาพจะคุ้มครองได้ทั่วถึงกว่านั่นเองค่ะ ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างคุณล้มป่วยกะทันหันขึ้น เราก็จะมีคนคอยช่วยดูแลค่าใช้จ่ายค่าพยาบาล ความรวดเร็วที่เราจะได้รับการรักษาได้ทันท่วงทีโดยไม่ต้องสำรองจ่าย หมดห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่แพงๆ นั่นเองค่ะ 

หรือใครที่มีประกันสังคมอยู่แล้ว ก็สามารถทำประกันสุขภาพเพิ่มในเงื่อนไขพิเศษบางอย่างได้นะค่ะ เช่น ค่าห้องพัก, ค่ารักษาพยาบาล, คุ้มครองโรคร้ายแรง, และชดเชยรายได้ต่อวันกรณีเจ็บป่วยค่ะเพื่อนๆ เพราะประกันสังคม จะดูแลค่ารักษา และค่าใช้จ่ายต่างๆ ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ถ้าเราได้เงินชดเชยจากประกันสุขภาพเข้ามาเสริม ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะเลยนะคะ อย่างไรก็ดีการจ่ายเงินเพื่อคุ้มครองสุขภาพและชีวิตของเราเรานั้น Insurefriend ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอยู่ดีค่ะ

แต่เพื่อนๆ ก็ควรศึกษาและทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขต่างๆ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อประกันภัยทุกครั้งนะคะ


My Instagram

Copyright © Insure Friend Broker - "เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนี้".