กสิกรไทยคาดยอดขาย BEV ปี 66 แตะ 5 หมื่นคัน เติบโต 270%! - Insure Friend Broker - "เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนี้"

กสิกรไทยคาดยอดขาย BEV ปี 66 แตะ 5 หมื่นคัน เติบโต 270%!

        ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปี 2566 รุ่ง ยอดขาย BEV พุ่งแตะระดับ 5 หมื่นคัน เติบโต 270% รถยนต์ไฟฟ้าจีนครองส่วนแบ่งมากกว่า 85%  แต่ตลาดจะแข่งเดือดท่ามกลางปัจจัยกดดันหลายประเด็น

        ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ออกบทวิเคราะห์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 คาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ BEV ในไทยมีโอกาสเติบโตได้กว่า 270% (YoY) ยอดขายจะเพิ่มไปแตะระดับ 50,000 คัน ดันให้ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ BEV เพิ่มขึ้นไปเป็นไม่น้อยกว่า 5.8% ของตลาดรถยนต์รวม ที่คาดว่าจะมียอดขาย 865,000-895,000 คัน โดยคาดว่ารถยนต์ BEV จีนจะกินส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 85% ของยอดขาย BEV รวมในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากระดับ 78% ในปีที่แล้ว

        ส่วนการแข่งขันในตลาดรถยนต์ BEV ไทยคาดว่ามีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อหลายค่ายรถยังรุกตลาดต่อเนื่องและผู้บริโภคมีข้อมูลใหม่ๆ ถึงประสบการณ์การใช้รถยนต์ BEV ทำให้มองว่าค่ายรถ BEV ที่จะประสบความสำเร็จในไทยต้องมีแบรนด์ที่เข้มแข็ง มีการลงทุนเรื่องการบริการหลังการขาย การซ่อมบำรุง และจัดหาอะไหล่ได้รวดเร็ว น่าเชื่อถือและทั่วถึง


ตลาด BEV ไทยปี 66 คาดมีโอกาสแตะระดับ 50,000 คัน จากปัจจัยหนุนรอบด้าน

        ปี 2566 นี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าจะเป็นอีกปีที่ดีสำหรับตลาดรถยนต์ BEV ในไทย ซึ่งหากทำได้ดีก็มีโอกาสที่ยอดขายรถยนต์ BEV จะสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดถึง 271.6% ไปแตะระดับ 50,000 คัน เพิ่มขึ้นจาก 13,454 คันในปี 2565 แม้จะยังมีปัจจัยกดดันจากเรื่องระบบ Ecosystem ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาความเชื่อมั่นของผู้บริโภคหลังมีการเคลมปัญหาชิ้นส่วนและการใช้งานบ่อยขึ้น รวมถึงประเด็นการรออะไหล่ที่นานเนื่องจากยังไม่มีฐานผลิตในไทย ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว

        แรงหนุนหลักที่จะทำให้ตลาดรถ EV เติบโตดีมาจากปัจจัยด้านอุปสงค์จากความต้องการรถยนต์ BEV ที่ยังอยู่ในระดับสูงของผู้บริโภค อันเป็นผลของ (1) มาตรการกระตุ้นด้านราคาที่ถูกจุดจากทางภาครัฐ (2) การเร่งกระจายจุดชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งาน ประกอบกับปัจจัยด้านอุปทาน โดยมีสัญญาณบวกจาก (1) สถานการณ์การขาดแคลนชิปในการผลิตรถยนต์ที่เริ่มคลี่คลายทำให้ส่งมอบรถยนต์ได้ดีขึ้น

        (2) ค่ายรถต่างส่งสัญญาณบุกตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะจากจีน ตะวันตก ญี่ปุ่ น หรือแม้แต่เกาหลีใต้ โดยเตรียมเปิดตัวรถยนต์ BEV รุ่นใหม่ในไทยหลายรุ่น หลาย Segment ตั้งแต่รถยนต์นั่งไปจนถึงรถปิกอัพ ซึ่งจะทำให้มีตัวเลือกรถยนต์ BEV มากขึ้นในตลาด

        (3) ยอดขายรถยนต์ BEV ในจีนตกลงมาก ทำให้จีนมีโอกาสส่งออกมาทำตลาดในไทยแทนมากขึ้น หลังรัฐบาลกลางจีนไม่ต่ออายุมาตรการให้เงินอุดหนุนในการซื้อรถยนต์ BEV ทั้งนี้ปัจจัยต่างๆ ข้างต้น ในด้านหนึ่ง ช่วยสนับสนุนให้ผู้ซื้อรถ BEV ในไทยมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงสภาวะการแข่งขันในตลาดรถ BEV ที่คงจะรุนแรงขึ้นเช่นกัน

การแข่งขันในตลาด BEV สูงขึ้น คาด BEV จีนกินส่วนแบ่งในไทยปีนี้ 85%

        ในช่วงที่ผ่านมา มาตรการสนับสนุนของทางการจีนมีส่วนอย่างมากในการผลักดันให้เกิดการเติบโตของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (New Energy Vehicles: NEVs) ในจีน โดยมีการลงทุนของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในจีนมากมาย และมีการก่อตั้งบริษัท Startup ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าถึงมากกว่า 300 บริษัท ซึ่งเมื่อรัฐบาลจีนไม่ต่ออายุมาตรการสนับสนุนที่ได้สิ้นสุด ณ ปลายปี 2565 ส่งผลให้เกิดภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินของรถยนต์ไฟฟ้าในจีนตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงปัจจุบัน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้ารวมทุกบริษัทในจีน ปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ราว 60% เท่านั้น สะท้อนว่าค่ายรถต่างๆอาจจำเป็นต้องปรับตัวขนานใหญ่ และทำให้สภาพการแข่งขันในตลาดรถยนต์ BEV จีนทวีความรุนแรงขึ้น

        เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงหลังตลาดรถยนต์ในจีนเริ่มหดตัวลง สะท้อนจากยอดขาย NEV ที่ปรับลงแรงในเดือนมกราคม 2566 หลายค่ายในจีนได้มีการปรับกลยุทธ์ทั้งด้วยการลดราคาลงเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด รวมถึงการเร่งส่งออกไปต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงกว่าช่วงเวลาปกติ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ค่ายรถผลักรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตได้เกินกว่าความต้องการในจีนออกไปแล้ว อีกด้านก็ช่วยพยุงรายได้ของค่ายรถที่กำลังเผชิญกับปัญหาการแข่งขันกันลดราคาในจีนด้วย

        เห็นได้ชัดจากเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา พบว่าการส่งออกรถยนต์ NEV ของจีนได้ขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว มามีส่วนแบ่งถึง 22% ของจำนวนรถยนต์ NEV ที่ขายได้ทั้งหมดของจีน โดยเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยที่ 9% ในปีที่แล้ว ซึ่งไทยในฐานะหนึ่งในตลาดส่งออกหลักของจีน บางค่ายรถจีนที่ทำตลาดในไทยก็มีการเปิดรับจองรถยนต์ BEV รอบใหม่ รวมถึงผู้ที่เคยสั่งจองไปก่อนหน้าก็รับรถได้เร็วขึ้นเช่นกัน

        ทั้งนี้ศูนยว์ิจัยกสิกรไทยมองว่าการแข่งขันของตลาดรถยนต์ BEV ในไทยมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นอีก จากจำนวนผู้เล่นที่มีแนวโน้มหนาตามากขึ้น เนื่องจากคาดว่าจะยังมีค่ายรถในจีนอีกหลายแบรนด์ที่มีแผนรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเพื่อหาโอกาสทางธุรกิจ ขณะเดียวกันก็เพื่อบริหารจัดการอัตรากำลังการผลิตส่วนเกินในจีนด้วย ผนวกกับการที่ค่ายรถสหรัฐฯที่ใช้สิทธิ FTA นำเข้าจากจีนมาไทยและกำลังเตรียมจะเข้ามาลุยตลาดรถยนต์ BEV ในรุ่นตลาด Mass แล้ว ก็ยังมีค่ายรถญี่ปุ่นที่ถึงแม้จะเข้ามาทำตลาดช้าแต่ก็มีพื้นฐานเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือในกลุ่มผู้บริโภคไทยมานาน ตลอดจนค่ายเกาหลีและตะวันตกที่ก็เป็นที่รู้จักในตลาดรถยนต์ BEV โลกที่กำลังจะตามเข้ามาทำตลาดด้วย

        อย่างไรก็ดี หากประเมินจากสภาพเศรษฐกิจ ที่กำลังซื้อของผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศยังมีความไม่แน่นอน ทำให้รถยนต์ BEV ค่ายจีนที่เน้นจับตลาด Mass ด้วยระดับราคาต่ำกว่าค่ายรถสัญชาติอื่นชัดเจน และปัจจุบันยังสามารถส่งมอบรถยนต์ BEV ถึงมือลูกค้าได้เร็วขึ้นกว่าอดีต น่าจะส่งผลให้รถยนต์ BEV ของค่ายจีนในไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าน่าจะมีโอกาสที่สัดส่วนยอดขายรถยนต์ BEV ของค่ายจีนในปี 2566 อาจเพิ่มขึ้นเป็น 85% ต่อยอดขาย BEV รวม จากปี 2565 ที่สัดส่วนอยู่ที่ 78% *

 


ผู้ซื้อรถยนต์ BEV ไทยมีตัวเลือกและพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ มากขึ้น … ค่ายที่จะได้ใจผู้ซื้อต่อเนื่อง ยังต้องดูยาวๆ

        ในปี 2565 ที่ผ่านมา มีการเข้ามาทำตลาดรถยนต์ BEV ในหลายรูปแบบในไทย ซึ่งทำให้ตลาดรถยนต์ BEV ในไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี เนื่องจากตลาดรถยนต์ BEV ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ทำให้ตลาดยังเปลี่ยนแปลงได้อีกมาก หรือมี Dynamic สูง โดยแม้รถยนต์ BEV ของค่ายจีนจะเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดไปก่อน

        แต่การเข้ามารุกตลาดของค่ายรถจีนและทุกๆ ค่ายในระยะต่อจากนี้ไปอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อผู้บริโภคชาวไทยมีแนวโน้มจะพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ มากขึ้น หลังมีข้อมูลใหม่ๆ ผ่านผู้ที่มีประสบการณ์การใช้รถยนต์ BEV ในรุ่นก่อนเข้ามาให้พิจารณาตลอด ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ค่ายรถยนต์ BEV ที่น่าจะได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นค่ายรถที่มีแบรนด์อิมเมจในตลาด BEV ที่เข้มแข็ง รวมถึงมีการลงทุนในเรื่องของเครือข่ายการบริการและซ่อมบำรุงที่น่าเชื่อถือและทั่วถึง เพราะรถยนต์เทคโนโลยีใหม่อย่าง BEV ยังไม่เป็นที่มักคุ้นในวงกว้าง การที่บางค่ายรถมาตั้งโรงงานในไทยก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้มากในเรื่องบริการหลังการขาย โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงและหาอะไหล่ทดแทน ซึ่งผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

        สำหรับการเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ BEV ในไทยนั้น ค่ายรถแต่ละค่ายต้องชั่งน้ำหนักปัจจัยต่างๆ ที่เหมาะสม ทั้งระดับกำลังการผลิตในแต่ละฐานการผลิตของค่ายรถ ความเชื่อมโยงของการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนตลอดซัพพลายเชน รวมถึงโอกาสของค่ายที่จะสามารถผลิตได้ Economies of scale ในไทยในอนาคต ซึ่งวัดจากโอกาสในการขายรถยนต์ BEV ในประเทศของไทยท่ามกลางสถานการณ์การแข่งขันที่สูงขึ้น และโอกาสในการส่งออกรถยนต์ BEV จากไทย ผ่านการศึกษาแนวโน้มการตอบรับของผู้บริโภค โดยเฉพาะในประเทศที่ใช้รถยนต์พวงมาลัยขวา เป็นต้น ซึ่งคงจะได้เห็นความคืบหน้าของการลงทุนผลิตรถยนต์ BEV ในไทยและผลที่จะตามมาต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ที่ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป โดยเฉพาะค่ายรถที่เข้าร่วมโครงการของภาครัฐ

        *ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรวบรวมข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก (รย.1, รย.2, รย.3, รย.5, รย.6, รย.9, รย.10 และ รย.11)

 

เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนี้

อินชัวร์เฟรนด์โบรกเกอร์
Call : 063-636-5456  |  02-114-6464
Line ID: @insurefriend ( คลิก http://lineid.me/insurefriend )

My Instagram

Copyright © Insure Friend Broker - "เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนี้".