Home new เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชู 4 กลยุทธ์ รุกตลาดชิงผู้นำ xEV ในไทย
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชู 4 กลยุทธ์ รุกตลาดชิงผู้นำ xEV ในไทย
PongPang 10.2.66 0
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชู 4 กลยุทธ์ รุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทย ทั้งแบรนด์
ผลิตภัณฑ์ การขาย และบริการหลังการขาย พร้อมนำทัพรถอีวี 5 รุ่น เปิดตัว นำทัพโดย TANK
500 TANK 300 และ ORA Grand Cat พร้อมทั้งประกาศรุกตลาดภูมิภาคอาเซียนด้วยกลยุทธ์
5+1
นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ประเทศไทยในปี
2566 ว่าจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 920,000 คัน เติบโตขึ้นประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์
โดยกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ xEV จะโตขึ้นกว่า 70
เปอร์เซ็นต์ หรืออยู่ที่ประมาณ 164,500 คัน
โดย 25 เปอร์เซ็นต์ หรือ 40,000 คัน
จะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งเติบโตเกือบ 150 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา
ดังนั้นเพื่อตอบรับกระแสความนิยมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เติบโตอย่างมาก
ในปี 2566 นี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์
มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับกลยุทธ์เชิงรุก 4 ด้าน ได้แก่
1.
กลยุทธ์ด้านแบรนด์:
เกรท วอลล์ มอเตอร์
จะยังคงสานต่อการยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางสำหรับการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ในหลากหลายรูปแบบ
เสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ผ่านการสร้างภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์ระดับโลก
การสื่อสารความเป็นผู้นำของเทคโนโลยีอัจฉริยะ
การสร้างไลฟ์สไตล์ของแบรนด์ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร
การเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ ผ่านการจัดตั้ง GWM Owner’s
Club และ User Committee เพื่อเป็นตัวแทนผู้ใช้รถ
สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
เพื่อสร้างชุมชนผู้ใช้งานที่แข็งแกร่ง ต่อยอดการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
2.
กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์:
ในปี 2566 เกรท วอลล์ มอเตอร์
จะขนทัพรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาเปิดตัวในประเทศไทยอีกทั้งหมด 5 รุ่น
และเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีก 1 แบรนด์ ได้แก่
แบรนด์พรีเมียมระดับเรือธงกับ TANK โดยเป็นผลิตภัณฑ์หลัก 3
รุ่น ในปีนี้คือ
1.
TANK 500 รถยนต์เอสยูวีออฟโรดขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม
ดีไซน์หรูหรา สมรรถนะการขับขี่ทรงพลัง มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ออฟโรดอัจฉริยะ
2.
TANK 300 รถยนต์เอสยูวีออฟโรดสำหรับไลฟ์สไตล์อันโดดเด่น
มาพร้อมดีไซน์สุดแกร่ง พร้อมสนุกในทุกการขับขี่
มอบประสบการณ์ผจญภัยให้มีสีสันในทุกวัน
3.
ORA Grand Cat รถไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูง
มอบประสบการณ์ขับขี่แบบสปอร์ต ดีไซน์โฉบเฉี่ยวพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
ยกระดับรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในประเทศไทยไปอีกขั้น
และจะมีรถยนต์อีก 2 รุ่นที่รอเปิดตัวภายในปี 2566 ซึ่งทั้งหมดจะเข้ามาเติมเต็มทัพรถยนต์ไฟฟ้าของเกรท วอลล์ มอเตอร์
3.
กลยุทธ์ด้านการขาย:
เพื่อส่งมอบการบริการที่ครอบคลุมและสอดรับกับความหลากหลายของตลาดได้ดียิ่งขึ้น
รวมถึงเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่มากขึ้น ในปี 2566 นี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีแผนที่จะขยายศักยภาพของงานขายใน 4 กลุ่มหลัก ประกอบไปด้วย
1.
ช่องทางการจัดจำหน่าย:
ปัจจุบันมี GWM Store ทั้งที่เป็น Direct Store และ Partner Store ที่ได้รับการแต่งตั้งไปแล้วทั้งหมด
80 แห่ง โดยเปิดดำเนินการไปแล้ว 62 แห่ง
และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 18 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ
ของประเทศ ในปีนี้ตั้งเป้าจะเปิด GWM Store อีกอย่างน้อย 20
แห่ง รวมเป็น 100 แห่งทั่วประเทศ
2.
สถานีชาร์จประจุไฟฟ้า:
เกรท วอลล์ มอเตอร์
ยังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าผ่านการขยายสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าสามรูปแบบได้แก่
G-Charge super charging station, G-Charge at Partner Store และ Destination charge ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ
ในปี 2566 ตั้งเป้าจะเปิดให้บริการให้ครบ 55 แห่ง จะมีสถานีชาร์จที่ก่อสร้างเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการจำนวน 8 แห่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดยสถานีชาร์จของ เกรท
วอลล์ มอเตอร์ จะเป็นแบบชาร์จเร็ว (DC Charge) กำลังไฟฟ้าสูงถึง
120 กิโลวัตต์ ให้บริการ 24 ชั่วโมงทุกวันครอบคลุมทั้งในกรุงเทพและจังหวัดสำคัญต่างๆ
และพร้อมให้บริการแก่รถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อและทุกรุ่น
3.
ด้านธุรกิจฟลีท:
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เริ่มต้นธุรกิจฟลีทในปี 2565 ทำยอดขายได้กว่า 200 คัน
รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทรถเช่าชั้นนำจัดซื้อรถเพื่อนำไปปล่อยเช่าทั้งในรูปแบบบุคคลทั่วไป
(B2C) และขยายสู่การจำหน่ายรถให้กับองค์กรและกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้รถยนต์จำนวนมาก
(B2B) ในปี 2566 เกรท วอลล์ มอเตอร์
วางแผนขยายฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ครอบคลุมบริษัทรถเช่าอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันก็เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็ก หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ
และสนับสนุนกลุ่มอาชีพพิเศษ อาทิ ผู้พิพากษา ตำรวจ ทหาร และข้าราชการ
พร้อมจับมือพันธมิตรสร้างบัตรชาร์จไฟฟ้าเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าองค์กร
และเดินหน้าขยายสถานีชาร์จเพื่อสร้างความมั่นใจให้กลุ่มลูกค้ารถเช่าระยะสั้น
4.
ด้านธุรกิจ Used Car: ในปี 2566 เกรท วอลล์ มอเตอร์
จะเปิดดำเนินการธุรกิจรถใช้แล้ว โดยให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร
รองรับลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนรถและลูกค้าที่มองหารถยนต์ใช้แล้วที่มีคุณภาพของ
เกรท วอลล์ มอเตอร์ รวมทั้งมีบริการประเมินราคารถใช้แล้วง่ายๆ ผ่านทางเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH
โดยมาตรฐานรถใช้แล้วของ GWM Certified Pre-Owned ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ การตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐาน 219
จุด อายุรถไม่เกิน 5 ปี เลขไมล์ไม่เกิน 150,000
กิโลเมตร ไม่มีประวัติน้ำท่วม ไฟไหม้ และชนหนัก
ซึ่งมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ
§ ขยายระยะเวลารับประกันตัวรถและระยะเวลาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงเพิ่มอีก 2 ปี
§ ขยายแพ็คเกจบำรุงรักษา GPSI เพิ่มอีก 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร
§ ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปีเต็ม
§ จัดไฟแนนซ์อัตราดอกเบี้ยพิเศษ
§ ฟรี บริการส่งรถถึงบ้าน
§ การันตีคุณภาพ คืนเงินได้ภายใน 7 วันหรือไม่เกิน 500 กิโลเมตร หากพบว่ารถมีปัญหาคุณภาพหรือไม่เป็นไปตามมาตรฐ
4.
กลยุทธ์ด้านการบริการหลังการขาย:
ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์
ตั้งเป้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้า 3 ด้าน
1.
“Worry Free” ขับขี่อย่างไร้กังวลกับการรับประกันคุณภาพรถใหม่ที่เป็น
Best-in-class ถึง 5 ปี หรือ 150,000
กิโลเมตร การรับประกันแบตเตอรี่ ฟรี 8 ปี
ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับแบตเตอรี่ Hybrid และ ฟรี 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร สำหรับแบตเตอรี่ EV
พร้อมแพ็คเกจการบำรุงรักษาตามระยะทางและบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24
ชั่วโมง (Roadside Assistant) ตลอดระยะเวลา 5
ปี ที่มาพร้อมกับรถใหม่ทุกคัน นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์
ได้จัดตั้ง EV Battery Rapid Team หรือหน่วยงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้คำแนะนำและตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่กรณีรถเกิดอุบัติเหตุ
เพื่อให้บริการที่รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้จัดตั้ง GWM BATTERY HOTLINE
CALL CENTER สายด่วนเพื่อรับแจ้งปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่และการเคลมโดยให้บริการตลอด
24 ชั่วโมง โทร 02-668-8888 กด 4
2.
“Convenience” อำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเมื่อต้องการใช้บริการด้านต่างๆ
หลังการขาย อาทิ บริการรับ-ส่งรถยนต์ในกรณีที่ลูกค้าไม่สะดวกเดินทางมาที่ศูนย์บริการ
บริการ Mobile Service ตรวจเช็คระยะตามตารางบำรุงรักษาจากนอกสถานที่
ซึ่งสามารถดำเนินการนัดหมายบน GWM Application ให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
พร้อมช่างผู้ชำนาญการเสมือนรับบริการที่ศูนย์บริการ
3.
“Digital Service Experience” ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกขั้นด้วย
GWM Smart Service ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่างๆ
เข้าไว้ด้วยกัน ประกอบด้วย Smart Vehicle, Smart Application, Smart System
และ Smart Device เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการนัดหมายจองนัดเข้ารับบริการผ่านทาง
GWM Application เมื่อลูกค้าเข้ารับบริการ ระบบ License
plate recognition system จะจดจำป้ายทะเบียนรถเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับระบบ
GWM Dealer management system ทำให้ศูนย์บริการทำความรู้จักกับลูกค้าได้ตั้งแต่ก่อนพบหน้า
และทีม Service advisor จะทราบข้อมูลคำขอเข้ารับบริการของท่านในทันที
โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาในการให้ข้อมูลอีกเพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาในการให้บริการ
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้ายังสามารถติดตามสถานะการซ่อมผ่าน Vehicle status
board ได้ตลอดเวลาผ่านกล้อง CCTV อีกด้วย
และสุดท้ายลูกค้าสามารถดูสถานะการให้บริการ อนุมัติงานซ่อม ชำระเงิน
ตรวจสอบประวัติการรับบริการ และข้อมูลการใช้จ่ายได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าน GWM
Application
ทางด้าน มร. ไมเคิล ฉง ผู้จัดการทั่วไป เกรท วอลล์
มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ตลอดสองปีมานี้ มีสมาชิกชาวไทยมากกว่า 15,000
ครอบครัว ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เกรท วอลล์ มอเตอร์
จากการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 5 รุ่น
ปัจจุบันเรามีกลุ่มในโซเชียลมีเดียถึง 16 กลุ่ม
โดยมีผู้ใช้งานรวมกันกว่า 530,000 คน และ GWM
Application ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 126,825 ราย
รวมถึงมีจำนวนผู้ติดตามข่าวสารบนโซเชียลมีเดียรวมมากกว่า 1.1 ล้านคนในทุกช่องทาง
รวมถึงมีช่องทางจำหน่ายและให้บริการที่ขยายครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ รวมกว่า 80
แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และครอบคลุมถึง 82 เปอร์เซ็นต์ในต่างจังหวัด
ในปีนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า
เราได้เปิดตัวกลยุทธ์ ‘ONE GWM’ เพื่อเร่งสร้างแบรนด์ เกรท
วอลล์ มอเตอร์ สู่ระดับสากลในทุกมิติ ผ่านการดำเนินงานด้านการตลาด การสื่อสาร
และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในตลาดโลก
เพื่อสะท้อนความเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลกอย่างแท้จริง และในปี 2566 นี้ เรายังคงเดินหน้าขยายการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ 5+3 เพื่อรุกตลาดในภูมิภาคอาเซียน โดยปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์
เข้าไปดำเนินงานอย่างเป็นทางการใน 5 ประเทศ คือ ไทย ลาว พม่า
บรูไน และมาเลเซีย เรามีแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์ในอีก 3 ประเทศ
ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ รวมถึงผลักดันให้ประเทศไทยและโรงงานที่จังหวัดระยองเป็นศูนย์กลางของยานยนต์ไฟฟ้าและฐานการผลิตเพื่อส่งออกอย่างเต็มรูปแบบ”
เรื่องประกันภัย ไว้ใจเพื่อนคนนี้
อินชัวร์เฟรนด์โบรกเกอร์
Call : 063-636-5456 | 02-114-6464
Line ID: @insurefriend ( คลิก http://lineid.me/insurefriend )